ป๊อก ภัสสรกรณ์ เข้ารับการผ่าตัดที่รพ. มียาดีคือ มาร์กี้ และลูกๆ

ป๊อก ภัสสรกรณ์ เข้ารับการผ่าตัดที่รพ. มียาดีคือ มาร์กี้ และลูกๆ

ป๊อก ภัสสรกรณ์ เข้ารับการผ่าตัดที่รพ. มียาดีคือ มาร์กี้ และลูกๆ ที่คอยดูแลเคียงข้างไม่ห่าง แฟนๆอวยพรขอให้หายไวๆ ทำเอาแฟนๆเป็นห่วงหนักมาก สำหรับแรปเปอร์หนุ่มชื่อดัง ป๊อก ภัสสรกรณ์ หรือ ป๊อก Mindset สามีหวานใจของสาว มาร์กี้ ราศรี เพราะล่าสุดเจ้าตัวต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการป่วย แต่ก็มียาที่ดีที่สุดมาคอยดูแลไม่ห่าง ซึ่งก็คือคุณภรรยา และลูกๆทั้งสองอย่าง น้องมีก้า น้องมีญ่า นั่นเอง

โดยหนุ่มป๊อกโพสต์ภาพครอบครัวสุดน่ารักที่โรงพยาบาล พร้อมระบุแคปชั่นว่า

“ตั้งแต่เข้า รพ มา รู้เลยว่ายาที่ดีที่สุดคือ 3 เม็ดนี้ แต่ 2 เม็ดเล็กไม่ต้องมาทุกวันก็ได้นะลูก แดดดี้กลัว 1 หนูจะมาเอาเชื้อโรคกลับไปบ้านด้วยกับ 2 จะมาตีหัวแดดดี้เอา ? (เพราะหนูถามกันจังเลยอะไรติดหัวแดดดี้ค่ะ/ครับ?) ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันเสมอน๊าาา รักที่สุด ❤️❤️❤️ #คนนี้มีก้าครับ #คนนี้มีญ่าค่ะ”

จนมาถึงวันที่ทางทีมเค้าส่งคลิปนี้มาบอกว่างานถูกลงแล้วนะ ตอนนั้นคือเราสตั๊นไปเลย เราคิดในหัว “ลงงานอะไรวะ เอาโลโก้กูไปลงที่ไหน ยังไม่ได้ไฟนอลดราฟต์กันเลย อะไรวะ” งงไปหมดตอนนั้น พอเข้าไปดูคลิปในนั้นก็เต็มไปด้วยคำถามมากมายในหัว

เราว่ามันไม่ Make Sense มากๆในหลายๆ เรื่อง อย่างแรกเลยคือ ไม่แจ้งรายละเอียดว่าจะเอา Logo ชิ้นนี้มาทำ content ซึ่งแย่มาก อันนี้รับไม่ได้จริงๆ คือถ้าบอกกันก่อน ให้เราตัดสินใจ อันนี้จะโอเคมากๆ เพราะมีสิทธิ์ที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ และมีความ “ตั้งใจจะหลอก” เรามากๆ เหมือนกันนะ ตรงที่เราถามถึง feedback ก็ไม่มีกลับมา นั่นแปลว่าอะไร…นั่นแปลว่าทางทีมคุณกำลัง edit video โดยใช้ Logo ดราฟต์แรกของผมอยู่ ซึ่งบอกตรงๆว่า เซ็ง เซ็งมาก รู้สึกผิดหวังมากๆ

สองคือบรีฟ “ตามสไตล์” นั่นแปลว่าอะไร นั่นแปลว่าคุณเห็น portfolio ผม แล้วคุณถูกใจจึงมาจ้าง โดยมีโจทย์ “หลวมๆ” มาให้ และเราพยายามทำการขุดข้อมูลพยายามจะแลกเปลี่ยนแล้ว แต่ทางคุณบอกว่า “ตามสไตล์” ซึ่งมันจะไปสู่ข้อสาม

ข้อสามคือคุณมาให้คะแนนผลงานที่มันยังไม่เสร็จไม่ได้ และหลักการให้คะแนนของคุณคืออะไร สิ่งเหล่านี้มันวัดไม่ได้ และมันยังชักจูงคนที่เข้ามาดูด้วยว่า 20 กับ 20,000 ของ 20 ยังสวยกว่าอีก

ซึ่งมันไม่ได้นำพาวงการ Graphic Designer ไปสู่อะไรเลย ไม่เข้าใจจุดประสงค์นี้จริงๆ ว่ามันคืออะไร

ข้อสี่ สำหรับตัวเรา เราว่าถ้างานชิ้นนั้นอยู่ระหว่าง”กระบวนการทำงาน” เป็นอะไรที่ confidential นะ ไม่ควรเอามาเผยแพร่สู่ public ใดๆ ทั้งสิ้น มันยังเป็นไข่อยู่ด้วยซ้ำ แต่กลับถูกเอามา judge เอามาให้คะแนน คือบอกตรงนี้เลยว่า ถ้า Logo นี้ได้เต็ม 10 ทุกข้อตามที่ตั้งเอาไว้ เราก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นนะ เพราะมันวัดอะไรไม่ได้ สารตั้งต้นมันยังไม่แข็งแรงเลย จะมาตัดสินอะไรได้

‘ริชชี่ อรเณศ’ เผยชีวิตในวงการ เคยถูกผู้ใหญ่พูดฝังหัวจนขาดความมั่นใจ

นักแสดงสาว ‘ริชชี่ อรเณศ’ เผยชีวิตในวงการบันเทิง ลั่น เจ้าตัวเคยถูก ผู้ใหญ่พูดฝังหัว ว่าต้องเปลี่ยนตัวเองจนขาดความมั่นใจ เวลาผ่านมากว่า 10 ปี แล้ว สำหรับนักแสดงสาว ‘ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส‘ กับชีวิตในวงการบันเทิง ล่าสุด (30 พ.ย.) ทางนักแสดงสาวก็ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทาง ‘ไทยรัฐ‘ เผยเส้นทางชีวิตในวงการ ลั่น เจ้าตัวเคยถูกผู้ใหญ่พูดฝังหัวว่าต้องเปลี่ยนตัวเองจนขาดความมั่นใจ โดยระบุว่า

“ริชอยู่ในวงการมา 10 ปีแล้ว ตั้งแต่อายุ 17 ปีจนตอนนี้อายุ 27 ปี ความรู้สึกเหมือนมันแป๊บเดียวมาก ๆ ตอนนั้นเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย งานที่รับก็น้อย จริง ๆ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ริชไม่เคยทำ ยังมีอีกหลายอย่างให้ริชได้เรียนรู้อีกเยอะมาก ๆ บางอย่างก็เพิ่งเคยทำครั้งแรก ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถ้าไม่เคยทำแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ไหวริชก็จะปฏิเสธไปเลย อย่างเช่น ริชพูดไม่เก่งก็จะไม่รับงานอีเวนต์ (ยิ้ม)

ซึ่งตอนนี้ถ้าคนที่รู้จักริชก็จะรู้ว่าริชพูดเก่งขึ้นแล้ว (ยิ้ม) แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จักพอได้เห็นก็จะรู้สึกว่านี่เก่งแล้วเหรอ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดหวัง แต่ริชดีใจที่คนที่เขาติดตามเราพยายามเชียร์ ซัพพอร์ตริชเสมอมา”

รู้สึกอย่างไรที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส ?

“เอาจริง ๆ ตั้งแต่เล่นหนังเรื่องแรก ตอนนั้นริชยังเด็ก แต่ริชก็พยายามมากที่สุดเท่าที่ริชจะทำได้อยู่แล้ว จากวันแรกจนถึงวันนี้ริชไม่ได้มีความรู้สึกแตกต่างไปเลย เพราะริชก็ยังพยายามในการเล่นละครทุกเรื่อง เพราะคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกัน แต่ในฟีดแบ็กที่ตอบกลับมาก็รู้สึกดีใจที่ทุกคนยอมรับมากขึ้น ยอมรับว่าริชคือนักแสดง คนก็เริ่มชม ตอนแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมั่นใจ ตอนนี้ก็เริ่มมั่นใจในการแสดงมากขึ้น เริ่มเลือกบทที่ตัวเองมั่นใจและคิดว่าจะทำได้ออกมาดีสำหรับบทนั้น

ยอมรับว่าตอนเด็ก ๆ ริชไม่รู้ว่าเราควรเลือกมั้ย เราเลือกได้มั้ย ใครให้บทอะไรมาริชก็จะรับ แม้จะไม่รู้ว่าจะต้องเล่นอย่างไร แต่ริชก็พยายามที่จะเข้าให้ถึงบทบาทนั้น ๆ ที่ได้รับมา แม้จะรู้ว่าเป็นบทที่ไกลตัวมาก แต่ริชก็พยายามที่จะทำให้ได้ แต่ตอนนี้พอเริ่มโต ก็เลยทำให้รู้ว่า บางทีบทที่เราเคยได้รับมาก่อนหน้านี้ อาจจะไม่ได้เหมาะกับเรา อาจจะมีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่า เพราะบทนั้นอาจจะใกล้กับตัวเขา

ริชก็อาจจะเลือกบทที่ตัวเองเข้าใจจริง ๆ และมั่นใจว่าตัวเองน่าจะเล่นได้ ทำได้ แต่ถ้าอันไหนรู้สึกว่าไกลตัวมาก ๆ หรือไม่เข้าใจว่าทำไมตัวละครถึงต้องทำแบบนี้ก็อาจจะไม่รับค่ะ ริชได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ ส่งละครมาให้เรื่อย ๆ แต่ริชก็ไม่คิดจะเก็บโอกาสนี้ไว้กับตัวคนเดียว ถ้าริชรู้ตัวว่าไม่สามารถที่จะเล่นได้ดีก็จะเปิดโอกาสให้คนอื่นที่เขาน่าจะเล่นได้ดีกว่าริชค่ะ (ยิ้ม)”

Credit : เว็บยูฟ่าสล็อต